คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( Election Commission of Thailand) หรือย่อว่า กกต. (ECT) เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มีหน้าที่หลักเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดหรือ จัดให้มีการเลือกตั้ง หรือการสรรหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี รวมทั้งการออกเสียงประชามติ ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
คณะกรรมการการเลือกตั้งมีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นสำนักงานเลขานุการ
ในการสอบเข้าเป็นพนักงานการเลือกตั้ง ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้สมัครจะต้องเป็นผู้สอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ของสำนักงาน ก.พ. ก่อน โดยการสอบจะแบ่งออกเป็น 3 ภาค คือ ภาค ก ข และ ค
วิชาที่ใช้สอบ มีดังนี้คือ
การสอบแบ่งออกเป็น 3 ภาค ได้แก่
1. ภาควิชาความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก) (100 คะแนน) ได้แก่ ความรู้ด้านการคิดคำนวณ ความสามารถด้านเหตุผล ความเข้าใจด้านภาษา และการใช้ภาษา
2. ภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง (ภาค ข ) ( 100 คะแนน ) ได้แก่ ความรู้พื้นฐานในการปฏิบัติงานและความรู้ความเข้าใจในภารกิจของคณะกรรมการการเลือกตั้งและสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ดังนี้
- งานสารบรรณ
- กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.และ สว. 2550 พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550? พรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 2552
- ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ด้านสังคม ด้านการเมือง การปกครอง ด้านเศรษฐกิจ
- ความรู้เฉพาะตำแหน่ง
3. ความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ภาค ค ) ( 100 คะแนน ) เป็นการทดสอบเพื่อวัดความเหมาะสมกับตําแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้งโดยวิธีการสัมภาษณ์หรือวิธีอื่นเพื่อประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่งจากประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติการทํางานประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัย อารมณ์ ทัศนคติการปรับตัวเข้ากับผู้ร่วมงาน สังคมและสิ่งแวดล้อม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปฏิภาณไหวพริบ บุคลิกภาพและพฤติกรรมของผู้สอบแข่งขันเพื่อให้ได้บุคคลที่มีคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ และอื่นๆ ที่จําเป็นสําหรับตําแหน่ง
ทั้งนี้ กําหนดให้ผู้สมัครสอบ ต้องสอบความรู้ความสามารถเฉพาะตําแหน่งก่อนผ่านก่อน โดยมีคะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 จึงจะมีสิทธิเข้าสอบภาคความเหมาะสมกับตําแหน่ง